การตรวจสุขภาพก่อนสมรส

หนังสือความรู้ก่อนสมรสนอ ได้จัดทำโดยคณาจารย์หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา อาจารย์หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และอาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด หมายถึง การป้องกันการเกิดหรือการปฏิสนธิ หรือการตั้งครรภ์ สรุปคือ ป้องกันหรือไม่ให้อสุจิในน้ำเชื้อของฝ่ายชายมีโอกาสเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงภายในปีกมดลูก และป้องกันไข่ที่ผสมแล้วฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก

เพศศึกษา

เพศสัมพันธ์ เป็นสิ่่งที่เกิดขึ้น เมื่อหญิงและชายมีความรักผูกพัน อยากอยู่ใกล้กันและกันและอยากสัมผัสกัน ความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ยกเว้นหญิงและชายนั้นอายุมากจริงๆก็อาจไม่มีความต้องการทางเพศ

การตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ คือ ช่วงระยะเวลาเริ่มหลังจากการปฏิสนธิ โดยที่ตัวอสุจิ (sperm) ผสม (conceive) กับ ไข่ (egg)ในสภาวะและเวลาที่เหมาะสม จนถึงการคลอด โดยในมนุษย์ใช้เวลาในการตั้งครรภ์ 36 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน

สุขภาพ

สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกชีวิตการที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติก็คือ การทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจมีความสุข ความพอใจ ...

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คนท้อง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คนท้อง แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่มีโฟเลตสูง







แหล่งที่พบกรดโฟลิกตามธรรมชาติ ได้แก่

1
กลุ่มผักและผลิตภัณฑ์แปรรูปผัก
ผักใบเขียว ต่างๆ ผักป้วยเล้ง ผักคะน้า ผักโขม ผักกาดหางหงส์หน่อไม้ฝรั่ง กระหล่ำดอก กระหล่ำปลี บร็อคโคลี่ แครอท
ฟักทอง ผักกาดดอง ( ผักกาดขาวเป็นผักที่สำคัญชนิดหนึ่งของหญิงมีครรภ์ เพราะการที่เป็นผักที่มีโฟเลตสูง จึงส่งผลดีต่อลูกในครรภ์ของคุณ เพราะโฟเลตจะช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้กับเม็ดเลือดแดง และ DNA ของลูก จึงทำให้เด็กแข็งแรงไม่ผิดปกติ)

2
กลุ่มผลไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปผลไม้
สับปะรด กล้วย ส้ม ส้มโชกุน สับปะรดศรีราชา ฝรั่งแป้นสีทอง  มะละกอ มะเขือเทศ แคนตาลูบ มันเทศ แอพริคอต อะโวคาโด แยมสับปะรด (ผลไม้ที่ให้ค่าโฟเลตได้สูงสุดคือสัปปะรดศรีราชา 300.54 ไมโครกรัม / 100 กรัม )

3
กลุ่มธัญพืชและผลิตภัณฑ์แปรรูปธัญพืช
ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวกล้อง(ซ้อมมือ)หอมมะลิ ข้าวแตน ข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี ถั่วต่าง ๆ เช่นถั่วเขียว ถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วแดงหลวง อาหารแปรรูป เช่น บะหมี่ ขนมปัง พิซซ่า และยีสต์  (ธัญพืชที่ให้โฟเลตสูงสุด คือ ข้าวกล้องให้ค่าสูงสุดคือ 262.53 ไมโครกรัม / 100 กรัม)

กลุ่มเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์
เนื้อหมูสันใน
เนื้อวัวสะโพก
เนื้อไก่อก
เนื้อปลาดุก
ไส้กรอกหมู
ตับ ไต
(
เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ให้ปริมาณโฟเลทระหว่าง 60.94 155.52 ไมโครกรัม / 100 กรัม
โดยเนื้อหมูสันในให้ค่าสูงสุดคือ 155.52 ไมโครกรัม / 100 กรัม )

ทานโฟเลตมาก ๆ อันตรายหรือไม่
ในคนปกติการทานโฟเลตในปริมาณมากๆ เกินความต้องการของร่างกายไม่เป็นไร เพราะร่างกายจะสามารถขับโฟเลตส่วนเกินนี้ออกมาได้เองไม่มีผลเสียอะไรต่อร่างกาย

แต่สำหรับผู้สูงอายุ การรับประทานโฟลิก เสริมเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังครับ เพราะโฟเลตที่มี่จำนวนมากทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการขาดวิตามินบี 12   ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานวิตามินเสริมกรดโฟลิก


โฟเลต หรือวิตามิน B9 มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้าง DNA และเซลล์ต่างๆของร่างกาย เมื่อคุณแม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายจะต้องการโฟเลตในปริมาณที่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนตั้งครรภ์ถึง 50% คือจาก400 ไมโครกรัม เพิ่มเป็น 600 ไมโครกรัมต่อวัน  เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของลูกน้อย และสร้างเม็ดเลือดที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์

ขาดโฟเลต ส่งผลร้ายต่อลูกน้อยในครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรก (ช่วง 3 เดือนแรก)

หากคุณแม่ได้รับโฟเลตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความผิดปกติร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยในครรภ์ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสแรก ก็คือ ความพิการทางสมองที่เรียกว่า Neural tube defect ซึ่งเป็นความผิดปกติในการสร้างหลอดประสาทที่มีผลต่อไขสันหลังและสมอง ในรายที่รุนแรงมากอาจพบว่าสมองทั้งหมดขาดหายไป (Anencephaty) ไม่แน่ใจว่าเป็นตัว
หรืออาจพบว่ากระดูกสันหลังปิดตัวไม่สนิททำให้ของเหลวในไขสันหลังดันโป่งออกมา (Spina Bifida)
 
 






วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

 อาหารที่มีธาตุเหล็ก

          ธาตุเหล็กสูง  จำเป็นต่อการสร้างเฮโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง เป็นตัวนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะและเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่างประเภทเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ปลา เป็ด และไก่
ประเภทผัก ได้แก่ ผักโขม ผักกูด ถั่วฝักยาว เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา ยอดมะกอก และยอดกระถิน
วิธีป้องกันการขาดธาตุเหล็กก็คือ ควรกินเนื้อสัตว์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

          ธาตุเหล็กจากพืชผักและผลไม้มักละลายยาก ส่วนใหญ่มักติดอยู่กับคาร์โบไฮเดรต และมีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่เข้าไปในกระแสเลือด นอกจากนี้ อาหารบางชนิดที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน ยังไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก เช่น แคลเซียมจากผลิตภัณฑ์นม โพลีฟีนอยด์ (ถั่วเปลือกแข็ง) ไฟเตท (ธัญพืชและถั่ว) ฟอสเฟต (น้ำดำ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ชาและกาแฟ)
       
           อาหารที่เป็นศัตรูของธาตุเหล็ก   ชาและกาแฟ ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก

          วิธีที่จะช่วยทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีก็คือ
          วิตามินซี  ช่วยให้ร่างกายดูดซึมโฟเลตและธาตุเหล็กจากพืชผักผลไม้ได้ดี ได้แก่ บรอกโคลี มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อม และสตรอเบอร์รี่


บุคคลที่ต้องใส่ใจ

          นักมังสวิรัติ สตรีตั้งครรภ์ และให้นมบุตร สตรีมีรอบเดือน ต้องกินอาหารที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ซึ่งบางครั้งก็ค่อนข้างยาก หากจำเป็นก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายธาตุเหล็กสำเร็จรูป ปกติผู้หญิงในวัย 15-50 ปีควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 15 มิลลิกรัม ส่วนผู้หญิงวัยมากกว่า 50 ปี ควรได้รับวันละ 10 มิลลิกรัม


ส่วนผู้ที่ไม่ขาดธาตุเหล็ก ก็ไม่ควรเติมธาตุเหล็กสำเร็จรูปให้ร่างกายอีก เพราะร่างกายขจัดออกไม่ได้ และเมื่อมีมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อตับ

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

วิตามินสำหรับคนท้อง

7 วิตามินสำคัญสำหรับคนท้อง

เมื่อคุณตั้งครรภ์  เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุอย่างเต็มที่ เพราะมันเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพของทารกในครรภ์ ดังนั้น คุณจึงต้องรู้ว่าวิตามินเหล่านั้นมีหน้าที่อะไร และให้คุณค่าด้านโภชนาการแก่ส่วนใดของคุณบ้าง ในที่นี้จะขอกล่าวถึงวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญเจ็ดชนิด

1.  โปรตีน : โปรตีนเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างเซลล์ร่างกายของลูกน้อย ความต้องการโปรตีนมีเพิ่มมากขึ้นในระหว่างสามเดือนที่สองและสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาหารหลายอย่างอุดมไปด้วยโปรตีนรวมทั้ง เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ เนย และเต้าหู้

2.แคลเซียม : แร่ชาติชนิดนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนากระดูของลูกน้อย และร่างกายของคุณจะต้องการแร่ธาติชนิดนี้เพิ่มขึ้นมากในระหว่างการตั้งครรภ์ การขาดแคลเซียมสามารถทำให้เกิดกระดูพรุนและกระดูกของลูกไม่แข็งแรง แคลเซียมมีอยู่มากในผลิตภัณฑ์นม เช่น นมสด เนย โยเกิร์ต ผักขม เต้าหู้ และบร๊อคโคลี


3. วิตามิน อี : วิตามินชนิดนี้ช่วยในการพัฒนาของกล้ามเนื้อและเซลล์เม็ดเลือดของทารก การขาดวิตามินอีมีผลทำให้ทารกคลอดมาน้ำหนักต่ำ ในขณะที่การได้รับวิตามินนี้มากเกินไปก็เกี่ยวข้องกับการแท้งลูก

เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนที่จะรับประทานวิตามิน อี เสริม วิตามิน อี สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิดเช่น น้ำมันพืช ถั่ว และธัญพืช

4. วิตามินบี 1 : วิตามินชนิดนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการของระบบประสาทส่วนกลางของลูกน้อย การได้รับวิตามิน บี 1 ไม่เพียงพออาจทำให้ลูกของคุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหน็บชา ซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อหัวใจและปอดของลูกได้ อาหารที่มีวิตามิน บี 1 เช่น อาหารจากข้าวและแป้ง จมูกข้าวสาลี และไข่

5. วิตามิน บี 6 : วิตามินนี้ช่วยในการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อย ในบางกรณีมันยังช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ด้วย วิตามิน บี 6 หาได้จากกล้วย แตงโม ถั่วเขียว และหน้าอกไก่

6. เหล็ก : แร่ธาตุชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของเซลล์เม็ดเลือด ซึ่งจำเป็นสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพของลูกน้อย เหล็กยังเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการเติบโตของรก เหล้กสามารถพบได้จาก เนื้อสัตว์สีแดง ผัก ข้าว และธัญพืชวิตามิน

7. สังกะสี : แร่ธาตุชนิดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ในทารกในครรภ์ เหล็กยังช่วยเสริมการผลิตเอ็นไซม์ เช่น อินซูลิน ในหญิงตั้งครรภ์ เหล็กสามารถพบได้ใน เนื้อสัตว์สีแดง เป็ด ไก่ ถั่ว ข้าว และผลิตภัณฑ์นม

วิตามินและแร่ธาตุ เป็นส่วนสำคัญสำหรับโภชนาการของสตรีมีครรภ์ทุกคน  อย่างไรก็ตาม คำแนะนำด้านวิตามินและแร่ธาตุที่คุณต้องการในระหว่างการตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว
ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
คณะแพทย์ศาสาตร์ศิริราชพยาบาล
โทร.02-4194736-7