การตรวจสุขภาพก่อนสมรส

หนังสือความรู้ก่อนสมรสนอ ได้จัดทำโดยคณาจารย์หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา อาจารย์หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และอาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด หมายถึง การป้องกันการเกิดหรือการปฏิสนธิ หรือการตั้งครรภ์ สรุปคือ ป้องกันหรือไม่ให้อสุจิในน้ำเชื้อของฝ่ายชายมีโอกาสเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงภายในปีกมดลูก และป้องกันไข่ที่ผสมแล้วฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก

เพศศึกษา

เพศสัมพันธ์ เป็นสิ่่งที่เกิดขึ้น เมื่อหญิงและชายมีความรักผูกพัน อยากอยู่ใกล้กันและกันและอยากสัมผัสกัน ความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ยกเว้นหญิงและชายนั้นอายุมากจริงๆก็อาจไม่มีความต้องการทางเพศ

การตั้งครรภ์

การตั้งครรภ์ คือ ช่วงระยะเวลาเริ่มหลังจากการปฏิสนธิ โดยที่ตัวอสุจิ (sperm) ผสม (conceive) กับ ไข่ (egg)ในสภาวะและเวลาที่เหมาะสม จนถึงการคลอด โดยในมนุษย์ใช้เวลาในการตั้งครรภ์ 36 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน

สุขภาพ

สุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับทุกชีวิตการที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติก็คือ การทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจมีความสุข ความพอใจ ...

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชีวิตคู่ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชีวิตคู่ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

การปรับชีวิตคู่ คิดให้ดีก่อนตัดสินใจแต่งงาน

คิดให้ดีก่อนตัดสินใจแต่่งงาน

          ทุกๆคนที่ผ่านวัยหนุ่มสาว มักเคยมีเพื่อนคู่ใจแต่พอคบดูใจกันสักพักก็อาจมีการเปลี่ยนคู่และ
แต่่งงานกับคนอื่น บางคนอาจไม่เคยมีเพื่อนคู่ใจเลยเพราะว่าไม่มีใครที่คิดว่าเหมาะะสมหรือถูกใจเรา การเลือกคู่มีหลายทฤษฏีที่ศึกษาว่า ควรจะเลือกคู่อย่างไรเลือกแบบไหนเพื่อให้ชีวิตคู่มีความสุข เช่น    
     1.เลือกโดยการหาคนที่เหมาะสมเท่าเทียมทางสังคม และเศรษฐฐานะ
     2.เลือกโดยการจับคู่ เช่น นิสัยใจคอ ภูมิหลัง การศึกษา ถ้าคล้ายคลึงกันก็น่าจะอยู่กันนาน
     3.เลือกโดยการใช้เวลาศึกษาและพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น หรือบางคนลองอยู่ด้วยกันก่อนแต่งว่าเข้ากันได้หรือไม่  เช่น ในประเทศตะวันตก
         
การเลือกคู่   มีหลายวิธี หลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่มีทฤษฏีใดอธิบายหรือใช้ได้กับทุกคนที่คิดจะแต่งงาน แต่สิ่งที่ฝากเตือนไว้ก็คือ ในระหว่างที่คบกันใหม่ๆทุกอย่างดูมีความสุขเหมือนคำโบราณที่ว่า "ข้าวใหม่ปลามัน"  ในขั้นตอนนี้บางครั้งเรามองข้ามจุดไม่ดีต่างๆของคนที่เราคบ และเมื่อแต่งงงานก็พบว่า ข้อเสียต่างๆเหล่านี้มีมากมายเหลือเกิน ค่อยๆโผล่ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจ ขอแนะนำดังนี้



     1.มองหาคนที่คิดว่าเหมาะสมกับเรามากที่สุด และใช้เวลาในการศึกษานิสัยใจคอและครอบครัวของเขา เพราะการแต่งงานจะต้องแต่งกับครอบครัวของเขาด้วย ครอบครัวของเราและของเขาเข้ากันได้ไหม ถ้าเราต้องอยู่กับครอบครัวเขาจะรับได้หรือไม่  อย่าใช้คำว่า "คิดว่าแต่งงานแล้วเขาจะทำตามที่เราต้องการ แต่งแล้วคงปรับตัวได้ " อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนไม่มีใครคาดเดาได้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
     2.นิสัยข้อเสียต่างๆในคู่ของเราที่พบ เช่น นิสัย ท่าทาง คำพูด มารยาท ฯลฯ เรายินดีรับกับสิ่งเหล่านั่้นหรือไม่ ถ้าไม่มีทางแก้ไข เพราะการปรับเปลี่ยนใครสักคนเป็นสิ่งที่ย่ก ถ้าเขาไม่สมัครใจและตั้งใจที่จะเปลี่ยนจริงจัง ( ไม่ใช่เขาไม่รักแต่ทำยาก ) ดังนั้นข้อเสียเหล่านี้ถ้าเขาเปลี่ยนได้ก็ถือว่า เราโชคดี แต่ถ้าเปลี่ยนไม่ได้จะทำอย่างไร !! อย่าคิดว่า " แต่งแล้วคงเห็นแก่ภรรยา/สามีและลูกคงเปลี่ยนได้ "
     3.อย่าทุ่มเทใจให้หมด เผื่อความผิดหวังไว้บ้าง เพราะการเลือกคู่คือ  การซื้อล๊อตเตอรี่เราอาจไม่ถูกรางวัลก็ได้ และควรเตรียมพร้อมเสมอที่จะเปิดโอกาส ถ้าเราทั้ง 2 คนเข้ากันไม่ได้

ชีวิตคู่มีความสุขได้อย่างไร ?? (ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม)

          จากการศึกษาคู่สามีภรรยาที่แต่งงานในอเมริการ้อยละ 61 มีความสุขถึงสุขมากในการแต่งงาน ในคู่สามีภรรยากลุ่มนี้ พบว่า มีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ในช่วงนอกเวลางานใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกัน มีความสนิทสนมคล้ายเพื่อน แสดงความรักให้ความเคารพและความห่วงใย ในความต้องการของกันและกัน ฝ่ายหญิงมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้เท่าเทียมกับฝ่ายชาย  จากผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า ความใกล้ชิด การให้เกียรติและยอมรับในคู่สมรส รวมทั้งความต้องการต่างๆทั้ง 2 ฝ่าย ควรมีส่วนในการตัดสินใจร่วมกัน เป็นสิ่งที่ในสังคมไทย อาจต้องมีการยอมรับบทบาทฝ่ายหญิงมากขึ้น เพื่อความสุขในชีวิตแต่งงานเพราะในปัจจุบันฝ่ายหญิงมีการศึกษาและมีงานทำมากขึ้น

     การสื่อสาร  เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข!! หลายท่านอาจสงสัยว่า เป็นได้อย่างไร การแต่งงานคือ การอยู่ร่วมกันของคนสองคนหรืออาจเพิ่มขึ้นถ้ามีลูกหรือญาติพี่น้องเกี่ยวข้องด้วย ลองนึกภาพดูในสังคมเล็กๆ มนุษย์เรามีการสื่อสารใหญ่ๆ 2 ทางคือ  การสื่อสารโดยคำพูด และสื่อสารโดยภาษากาย ถ้าเราพูดคุยกับใครและได้รับการยอมรับ ไม่ถูกว่ากล่าว ไม่ถูกติเตียน เราคนที่พูดคงรู้สึกมีความสุขและภูมิใจในตัวเองและอยากพูดอยากคุยกับคนนั้นอีก ในสังคมเล็กๆของชีวิตคู่ก็เช่นกัน

การสื่อสารที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

     การสื่อสารที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้

          1.สื่อสารด้วยคำพูดทางด้านบวก     ( พูดจาภาษาดอกไม้ ) โดยการฟังยอมรับ เห็นด้วย มีอารมณ์ขัน หรือเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีการตำหนิด่าว่า หรือสั่งบังคับข่มขู่ขู่เข็ญ

          2.แสดงอารมณ์ที่ดีต่อกัน    ( ยิ้มแย้มแจ่มใส ) แม้บางครั้งรู้สึกโกรธไม่พอใจ แต่การมีอารมณ์ที่ผ่อนคลายไม่โมโห หรือยิ้มสู้เข้าไว้ อาจทำให้บรรยากาศในการพูดคุยดีขึ้น

          3.ทัศนคติที่ดีกับคู่สมรส     มองเขาในแง่บวกเข้าใจในความรู้สึกความต้องการของคนที่เรารัก เช่น       -สามีกลับบ้านดึกก็ต้องเข้าใจว่า เขามีความจำเป็นที่ต้องติดธุระ หรือ ทำงาน
     -การที่เขาให้ของขวัญญาติพี่น้อง ก็เพราะเขามีคริบครัวเดิมที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เขาเป็นของเราคนเดียว
        การจับผิด การมอง หรือ คิดในด้านลบ ทำให้เกิดความขัดแย้งมากมาย แม้ในบางครั้งเขาอาจไม่ได้ทำผิดจริง แต่ความรู้สึกไม่ไว้ใจกันจะทำให้ความรักจางลง

          4.รับผิดชอบต่อครอบครัวในทุกๆเรื่อง     ( เอาใจใส่ดูแล ) การรับผิดชอบในครอบครัวไม่ใช่จู้จี้ เพราะการจู้จี้ คือการที่เราให้เขาทำในสิ่งที่เราอยากให้ทำ แต่กดารับผิดชอบ คือการปรับที่ตัวเราให้ทำหน้าที่บทบาทของตนเองให้ดีที่สุด โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับคู่สมรส ( อย่าโมโห อย่าคาดหวัง หรือโกรธ ถ้าอีกฝ่ายไม่ทำ ) เช่น การให้เกียรติ การดูแลเงินทอง การดูแลความเป็นอยู่  การให้ความห่วงใย

          5.เป็นคนเปิดเผย     ( อย่ามีความลับ) การเปิดเผยตนเองเป็นการสื่อสารอีกชนิดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกไว้ใจซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความผูกพันและใกล้ชิดกันมากขึ้น และการเปิดเผยอาจช่วยทำให้เรามีคนช่วยคิดช่วยแก้ปัญหา แม้บางครั้งปัญหาอาจแก้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเราได้รับการดูแลทางจิตใจจากคนใกล้ชิด ก็ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้

          จากการสื่อสารต่างๆทั้ง 5 ประเภทที่กล่าวจะเห็นว่า ถ้าเราสามารถปฎิบัติได้ คนใกล้ชิดของเราก็อาจจะเรียนแบบวิธีพูดวิธีคิดมุมมองของเราที่ดีและปฎิบัติต่อกันในด้านดีๆกลับมาก็ได้นะคะ แต่ถ้าไม่มีการปฎิบัติกลับมาอย่างน้อยเราก็น่ารักในสายตาคนอื่นค่ะ

หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว
ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โทร.02-4194736-7

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

การปรับชีวิตคู่

การปรับชีวิตคู่

รศ.พญ.สุดสบาย จุลกทัพพะ

          วงจรชีวิตของมนุษย์เริ่มต้นตั้งแต่เราเกิดจากท้องแม่และจบลง เมื่อเราสิ้นลมหายใจ ชีวิตทุกชีวิตมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะของวัยที่แตกต่างกัน แม้ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีตที่ใช้สัตว์เป็นพาหนะ จนปัจจุบันมียานพาหนะที่ทันสมัยและรวดเร็วเป็นโลกของดิจิตอล คอมพิวเตอร์ การวิวัฒนาการทางการแพทย์พยายามคิดค้นวิธีที่ให้เกิดเซลล์มนุษย์ของมาใหม่ เพื่อสู้กับความตายในหลายๆรูปแบบ แต่วงจรชีวิตของมนุษย์ก็ยังคงเหมือนๆเดิม  มีการเกิด เข้าสู่วัยเด็ก และวัยผู้ใหญ่ เพื่อนต่างเพศก็จะเข้ามาในชีวิตและเมื่อแต่งงานจะปรับกลายเป็นชีวิตคู่ หลายท่านมีชีวิตการแต่งงานและครอบครัวที่มีความสุข แต่บางท่านแต่งงานกันไม่นานหรืออาจแต่งงานจนลูกๆโตหมดแล้วก็ได้ จึงพบอุปสรรคมีการทะเลาะเบาะแว้ง มีความเห็นไม่ตรงกัน จนกลายเป็นการหย่าร้าง หรือถ้าไม่หย่าก็อาจอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุขในครอบครัว

          การปรับตัวกับชีวิตคู่ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการแต่งงาน คือการที่เราคิดว่าเราเลือกคนที่ดีที่สุดให้กับตนเองแล้ว ทุกคนที่แต่งงานคงไม่คิดว่า จะหย่าร้างในอนาคต แต่ในชีวิตคู่มีปัจจัยต่างๆมากมายกระทบ  เช่นปัจจัยครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การงาน การเจ็บป่วย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตามวัยของเราและชีวิตของเรา ซึ่งอาจเกิดปัญหาต่างๆได้ ตลอดวงจรชีวิตของมนุษย์ จะเห็นได้ชัดว่า เราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาตามช่วง ตามวัย ตามปัญหาต่างๆที่มากระทบ

          การแต่งงานเปรียบเสมือน " การซื้อล๊อตเตอรี่ " ซึ่งเราไม่สามารถจะทราบได้ว่า ล๊อตเตอรี่ที่เราซื้อจะถูกรางวัลหรือไม่ แม้เราจะเลือกเลขที่สวยที่สุดที่บอกโดยอาจารย์ดังต่างๆก็ตาม ถ้าเราโชคดีคู่ที่เราเลือกก็จะเป็นเหมือนรางวัลที่ 1 หรือรางวัลอื่นๆลดหลั่นลงมา ล๊อตเตอรี่เมื่อไม่ถูกก็หาซื้อเสี่ยงใหม่ได้ แต่การแต่งงานสำหรับบางท่านอาจรู้สึกว่า ไม่สามารถทำได้เช่นนั้น การแต่งงานเป็นเหมือนสิ่งที่มอบให้กับคนที่เรารักคนเดียว การปรับตัวกับชีวิตคู่การเตรียมพร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่างๆจึงเป็นสิ่งที่คู่หนุ่มสาวทุกท่านควรสนใจศึกษา
     ข้อควรรู้ที่กล่าวในที่นี้ คือ
1.แนวคิดที่แตกต่างระหว่างหญิงและชาย ??
2.คิดให้ดีก่อนตัดสินใจแต่งงาน
3.ชีวิตคู่มีความสุขได้อย่างไร ?? ( ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม )

          แนวคิดที่แตกต่างระหว่างหญิงและชาย????
     หญิงชายมีความแตกต่างกันในหลายๆด้านทั้งทางร่างการ การเลี้ยงดู ทัศนคติ ที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจนโต ดังนั้นจากความแตกต่างเมื่อคนสองคนตัดสินใจมาอยู่ด้วยกันการปรับตัวจึงจำเป็นอย่างยิ่ง การปรับแนวคิดที่แตกต่างในผู้หญิงและผู้ชาย เป็นสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายควรเรียนรู้ความคิดซึ่งกันและกัน เพื่อจะได้เข้าใจความคิดความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่ยึดเอาความคิดเห็นของตนเองเป็นที่ตั้ง ปัญหาความขัดแย้งหลายครั้งเกิดจากยึดมั่นในความคิดตนเองและต้องการให้ผู้อื่นเป็นเช่นที่เราต้องการ แต่เมื่อเราต้องการให้คนที่เรารักมีความสุขควรที่จะพยายามเข้าใจและช่วยเหลือเขาให้มีความสุขกับชีวิต
     ผู้ชาย     จะมีแนวคิดที่มุ่งมั่นในการทำงานมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบให้ใครดูถูกหรือว่ากล่าวตักเตือน ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของตนเอง
     ผู้หญิง     จะมีแนวคิดที่ต้องการความสุข ความสำเร็จทั้งหน้าที่การงานและครอบครัว เห็นความสำคัญของการมีมิตร การเข้าสังคมสมาคม กับบุคคนอื่น และต้องการความใกล้ชิดมากกว่าผู้ชาย โดยให้ความสำคัญกับความรัก และครอบครัวเท่าๆกัน    
          จากแนวคิดของทั้ง 2 เพศที่แตกต่างกัน  จะเห็นว่ามุมมองของฝ่ายหญิงต้องการความใกล้ชิด การดูแล การเอาใจใส่ แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายชายต้องการมีชีวิตที่ส่วนตัวเป็นตัวของตัวเองมีศักดิ์ศรี ดังนั้นถ้าฝ่ายหญิงต้องการที่จะทำให้ฝ่ายชายรู้สึกมีความสุขที่อยู่ใกล้เรา การให้เกียรติ การให้ความเคารพในเรื่องส่วนตัวของฝ่ายชายก็จะลดความขัดแย้งลง ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายชายถ้าต้องการให้ฝ่ายหญิงมีความสุขการให้ความอบอุ่น ความใกล้ชิด ความผูกพันอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้ของเล็กๆน้อยๆก็จะทำให้ฝ่ายหญิงรู้สึกไม่ถูกทอดทิ้งจากฝ่ายชาย ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายจะมีมากขึ้น
          ความเข้าใจ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน การแบ่งเวลาส่วนตัวและเวลาของครอบครัวให้เหมาะสมจะเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ที่มีความสุข 



หน่วยอนามัยการเจริญพันธุ์และงานวางแผนครอบครัว
ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โทรศัพท์ 02-4194736-7